Active listening คือ ทักษะฟังที่เปลี่ยนชีวิตการทำงาน

เรียนรู้ active listening คือ ทักษะสำคัญที่สร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งในที่ทำงาน พร้อมเทคนิคฝึกฝนที่ใช้งานได้จริง
Active listening คือ ทักษะฟังที่เปลี่ยนชีวิตการทำงาน

Active listening คืออะไร และทำไมถึงเปลี่ยนชีวิตการทำงาน

Active listening คือการฟังที่มากกว่าการรับรู้เสียง มันคือการตั้งใจฟังอย่างแท้จริงโดยใช้ทุกส่วนของการรับรู้ ทั้งหู ตา และใจ เพื่อทำความเข้าใจทั้งเนื้อหา สาร และอารมณ์ความรู้สึกของผู้พูด เปรียบเสมือนการเปิดใจรับฟังทุกแง่มุมของเรื่องราว เหมือนกับการชมภาพยนตร์ที่เราอินไปกับตัวละคร ไม่ใช่แค่ดูผ่านๆ การฟังในลักษณะนี้จึงทรงพลังและสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตการทำงานได้อย่างมาก โดยเฉพาะในบริบทสังคมไทยที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์และการเคารพซึ่งกันและกัน

การฟังอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างความเข้าใจที่ดีในสถานที่ทำงาน โดยเฉพาะในบริบทของวัฒนธรรมการทำงานแบบไทย วัฒนธรรมไทยเน้นความเคารพและลำดับชั้น การฟังอย่างมีประสิทธิภาพจึงช่วยให้การทำงานร่วมกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสร้างความไว้วางใจระหว่างเพื่อนร่วมงาน เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรมการทำงานในประเทศไทย Active listening ช่วยลดความเข้าใจผิด สร้างความไว้วางใจ และเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงาน นำไปสู่การทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและบรรยากาศการทำงานที่ดีขึ้น

Infographic about active listening คือ

ภาพนี้แสดงให้เห็นถึงการแบ่งเวลาในการฟังแบบ Active Listening โดย 60% เน้นที่การฟังอย่างตั้งใจ อีก 20% คือการตอบสนองด้วยท่าทาง และ 20% สุดท้ายใช้ในการสรุปความเข้าใจ จะเห็นได้ว่าหัวใจสำคัญของ Active Listening คือการฟังอย่างตั้งใจจริงๆ

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ลองมาดูตารางเปรียบเทียบกันครับ

ตารางเปรียบเทียบการฟังแบบปกติ vs Active Listening:

ลักษณะการฟัง การฟังแบบปกติ Active Listening ผลลัพธ์ที่ได้
การตั้งใจ ฟังแบบผ่านๆ ไม่ได้สนใจรายละเอียด ตั้งใจฟัง จดจ่อกับผู้พูด เข้าใจสารที่ผู้พูดต้องการสื่อได้อย่างครบถ้วน
การตอบสนอง ไม่แสดงออกทางสีหน้าหรือท่าทาง ตอบสนองด้วยสีหน้า ท่าทาง และคำพูด เช่น พยักหน้า สบตา ผู้พูดรู้สึกว่าถูกเข้าใจและเห็นคุณค่า
การสรุปความเข้าใจ ไม่ได้สรุปหรือทบทวนสิ่งที่ได้ยิน สรุปและทบทวนสิ่งที่ได้ยินเพื่อยืนยันความเข้าใจ ลดความเข้าใจผิดและเพิ่มความชัดเจนในการสื่อสาร
ความสัมพันธ์ ไม่ส่งผลต่อความสัมพันธ์มากนัก สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและความไว้วางใจ การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่น

จากตารางจะเห็นได้ว่า Active Listening ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการฟังแบบปกติอย่างชัดเจน ทั้งในด้านความเข้าใจ ความสัมพันธ์ และประสิทธิภาพในการทำงาน

ทำไม Active listening ถึงสำคัญในที่ทำงาน?

การฝึกฝน Active listening คือการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะมีประโยชน์มากมาย ตั้งแต่การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน ไปจนถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเป็นทีม

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อหัวหน้าทีมใช้ Active listening ในการรับฟังความคิดเห็นของลูกทีม จะทำให้ลูกทีมรู้สึกมีคุณค่าและเป็นส่วนหนึ่งของทีม ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ การฟังอย่างตั้งใจยังช่วยลดความขัดแย้งและสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกัน ทำให้บรรยากาศในที่ทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น

Active listening ไม่ใช่แค่การฟังเฉยๆ แต่ต้องแสดงออกให้ผู้พูดรู้ว่าเราตั้งใจฟังจริงๆ ด้วย เช่น การสบตา พยักหน้า และการใช้ภาษากายที่แสดงถึงความสนใจ

การทำแบบนี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้กับผู้พูด ทำให้เขารู้สึกสบายใจที่จะเปิดเผยความคิดเห็นและความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการทำงานเป็นทีมและการแก้ไขปัญหาต่างๆ ในที่ทำงาน

เทคนิคหลักที่เปลี่ยนการฟังธรรมดาให้กลายเป็นพลังเปลี่ยนแปลง

Image description

การฟังอย่างมีประสิทธิภาพ หรือ Active Listening นั้นมีความหมายมากกว่าแค่การได้ยินเสียง มันคือการตั้งใจฟังเพื่อทำความเข้าใจอย่างแท้จริง ทั้งถ้อยคำที่เปล่งออกมา และความรู้สึกที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน เทคนิคการฟังแบบ Active Listening จะช่วยยกระดับการสนทนาธรรมดา ให้กลายเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ทรงพลัง สร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ดีได้อย่างยั่งยืน

อ่านภาษากาย

การฟังอย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มต้นจากการสังเกตภาษากายของผู้พูด สีหน้า แววตา ท่าทาง หรือแม้แต่น้ำเสียง ล้วนเป็น “ภาษาลับ” ที่สื่อสารอารมณ์ ความรู้สึก และความหมายที่แท้จริง การฝึกฝนการสังเกตและตีความภาษากายเหล่านี้ ควบคู่ไปกับการฟังถ้อยคำ จะทำให้เราเข้าใจผู้พูดได้อย่างลึกซึ้งและครบถ้วนมากยิ่งขึ้น

สร้างบรรยากาศที่ปลอดภัย

บรรยากาศที่ปลอดภัยและไว้วางใจ เป็นพื้นฐานสำคัญของการสื่อสารที่ดี ทำให้ผู้พูดรู้สึกสบายใจที่จะเปิดเผยความคิด ความรู้สึก และประสบการณ์ของตนเอง เราสามารถสร้างบรรยากาศเช่นนี้ได้ ด้วยการแสดงออกถึงความตั้งใจจริงในการฟัง เช่น การสบตา พยักหน้า และใช้ภาษากายที่แสดงถึงความสนใจ สิ่งสำคัญคือการหลีกเลี่ยงการขัดจังหวะ การตัดสิน หรือการวิพากษ์วิจารณ์ เพื่อให้ผู้พูดมั่นใจว่าพวกเขาจะได้รับการรับฟังอย่างไม่มีเงื่อนไข

สะท้อนอารมณ์และความรู้สึก

หลังจากฟังแล้ว ลองสะท้อนความรู้สึกของผู้พูดกลับไป เช่น "ฟังดูเหมือนคุณกำลังรู้สึกกังวลกับเรื่องนี้นะ" หรือ "ผมเข้าใจว่าคุณรู้สึกผิดหวัง" การสะท้อนความรู้สึกเช่นนี้ จะช่วยให้ผู้พูดรู้สึกว่าถูกเข้าใจ และเป็นการยืนยันว่าเรากำลังตั้งใจฟังพวกเขาอย่างจริงใจ

ถามคำถามที่เปิดใจ

การถามคำถามปลายเปิด เช่น "คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้" หรือ "คุณอยากให้สิ่งต่างๆ เป็นอย่างไร" จะช่วยกระตุ้นให้ผู้พูดได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ และเปิดโอกาสให้เราได้เข้าใจมุมมองของพวกเขาอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น การฟังอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่การฟังเพื่อรอคอยที่จะพูด แต่คือการฟังเพื่อทำความเข้าใจอย่างแท้จริง

การฟังอย่างมีประสิทธิภาพสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร การฟังที่ดีจะช่วยให้พนักงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีมมากขึ้น มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ลดความผิดพลาดจากการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน และเพิ่มความเข้าใจในข้อมูลสำคัญ นำไปสู่ผลผลิตที่ดีขึ้นในองค์กร ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อนี้ คุณอาจสนใจบทความนี้ด้วย: 5 ข้อคิดสำคัญเกี่ยวกับการยกย่องและเหตุผลที่สำคัญต่อการมีส่วนร่วมของพนักงาน การฝึกฝนเทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้คุณเป็นนักฟังที่เก่งกาจ และสามารถนำไปปรับใช้ได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน หรือแม้แต่ในชีวิตประจำวัน การฟังอย่างมีประสิทธิภาพไม่ใช่แค่ทักษะ แต่มันคือ พลัง ที่จะเปลี่ยนแปลงทุกการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีอย่างยั่งยืน

สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ทุกคนรู้สึกมีคุณค่าด้วย Active Listening

Image description

Active listening คือการฟังอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่รับฟังเสียง แต่คือการตั้งใจฟังเพื่อทำความเข้าใจความรู้สึกและความต้องการของผู้พูดอย่างแท้จริง การนำ active listening มาใช้ในองค์กร จึงเป็นมากกว่าการพัฒนาทักษะส่วนบุคคล แต่มันคือการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งและยั่งยืน หลายองค์กรชั้นนำทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับ active listening และใช้เป็นพื้นฐานในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเติบโตและความคิดสร้างสรรค์

Active Listening: หัวใจของการสร้างทีมที่แข็งแกร่ง

ผู้นำที่ประสบความสำเร็จ มักใช้ active listening เป็นเครื่องมือสำคัญในการทำความเข้าใจความต้องการของทีม การฟังอย่างตั้งใจ ช่วยให้ผู้นำมองเห็นปัญหาและอุปสรรคที่ทีมงานกำลังเผชิญอยู่ได้อย่างชัดเจน นำไปสู่การวางแผนและนโยบายที่ตอบโจทย์พนักงานได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่การคาดเดา นอกจากนี้ active listening ยังเป็นการสร้างความไว้วางใจระหว่างสมาชิกในทีม และทุกระดับชั้นในองค์กร เมื่อพนักงานรู้สึกว่าพวกเขาได้รับการรับฟัง ย่อมส่งผลให้พวกเขามีส่วนร่วมและทุ่มเทกับงานมากขึ้น

การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับ active listening ยังช่วยส่งเสริมการสื่อสารที่เปิดกว้างและตรงไปตรงมาภายในองค์กร เมื่อพนักงานรู้สึกปลอดภัยที่จะแสดงความคิดเห็น องค์กรก็จะได้รับประโยชน์จากมุมมองที่หลากหลาย ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมและการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งไปกว่านั้น active listening ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความไว้วางใจกับพนักงาน ทำให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่า ได้รับการยอมรับ และนำไปสู่ความพึงพอใจในการทำงานที่มากขึ้น อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรมองค์กร องค์กรเองก็จะเข้าใจความต้องการของพนักงานได้ลึกซึ้ง hơn และนำไปสู่การปรับนโยบายให้เหมาะสม

วัดผลและติดตามผลกระทบ

การวัดผลและติดตามผลกระทบของ active listening เป็นสิ่งสำคัญ เราสามารถทำได้ด้วยการสำรวจความคิดเห็นพนักงาน การสังเกตพฤติกรรมการทำงาน และการประเมินผลลัพธ์ของโครงการต่างๆ ข้อมูลเหล่านี้จะสะท้อนให้เห็นภาพรวมของวัฒนธรรมการฟังในองค์กร และเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงกลยุทธ์การสื่อสารให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น How to build psychological safety in your teams การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ทุกคนรู้สึกมีคุณค่าด้วย active listening อาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว นำไปสู่ทีมงานที่แข็งแกร่ง ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และมีความสุข ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันองค์กรสู่ความสำเร็จ

เอาชนะอุปสรรคที่ขัดขวางการเป็นนักฟังที่เก่งกาจ

Image description

การฝึกฝน Active Listening เป็นการเดินทางที่ต้องใช้ทั้งความตั้งใจและความอดทน บ่อยครั้งที่เราอาจพบเจออุปสรรคต่างๆ ที่ขัดขวางการเป็นนักฟังที่ดี ไม่ว่าจะเป็นนิสัยที่ติดตัวมา หรือสภาพแวดล้อมรอบตัวที่ไม่เอื้ออำนวย

แต่สิ่งที่น่ายินดีก็คือ อุปสรรคเหล่านี้เราสามารถเอาชนะได้ ด้วยการทำความเข้าใจและฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ

สิ่งรบกวนจากโลกดิจิทัล

ในยุคที่การสื่อสารรวดเร็วแบบนี้ เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ อีเมล หรือข้อความต่างๆ เป็นสิ่งที่รบกวนสมาธิของเรา ทำให้เราไม่สามารถจดจ่อกับผู้พูดได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น การวางโทรศัพท์ไว้ไกลตัว ปิดเสียงแจ้งเตือน หรือเลือกสถานที่ที่เงียบสงบสำหรับการสนทนา จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการเอาชนะอุปสรรคนี้

การจัดการสิ่งรบกวนเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถมีสมาธิจดจ่อกับผู้พูดได้อย่างเต็มที่มากขึ้น

ความคิดที่วนเวียนในหัว

บ่อยครั้งที่ขณะที่คนอื่นกำลังพูด เรามักเผลอคิดถึงเรื่องอื่นๆ เช่น สิ่งที่ต้องทำต่อไป หรือปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ ทำให้เราไม่ได้ฟังอย่างตั้งใจ การฝึกสติ การหายใจเข้าลึกๆ และการเตือนตัวเองให้กลับมาจดจ่อกับผู้พูด จะช่วยให้เราควบคุมความคิดฟุ้งซ่าน และมีสมาธิกับการฟังมากขึ้น

การมีสติอยู่กับปัจจุบันขณะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราฟังได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความเชื่อมั่นในตัวเองที่มากเกินไป

บางครั้ง เราอาจคิดว่าตัวเองรู้คำตอบหรือเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว จึงไม่ได้ตั้งใจฟังอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้พลาดข้อมูลสำคัญและอาจเกิดความเข้าใจผิดได้ การเปิดใจ และการยอมรับว่าเราอาจยังไม่รู้อะไรทั้งหมด เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราฟังอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การเปิดใจรับฟังมุมมองของผู้อื่น แม้ว่าจะแตกต่างจากความคิดของเรา จะช่วยให้เราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้เสมอ

การฟังเพื่อรอคอยที่จะพูด

หลายคนมีนิสัยฟังเพียงเพื่อรอจังหวะที่จะแทรก หรือคิดคำตอบไว้ล่วงหน้า แทนที่จะฟังเพื่อทำความเข้าใจ การฝึกอดทนรอให้ผู้พูดจบ และการตั้งใจฟังเนื้อหาสาระที่ผู้พูดต้องการสื่อ เป็นกุญแจสำคัญในการเอาชนะนิสัยนี้

ลองนึกภาพสถานการณ์ที่คุณกำลังรับฟังเพื่อนร่วมงานระบายความรู้สึกเกี่ยวกับปัญหาในที่ทำงาน แทนที่จะฟังเพื่อทำความเข้าใจ คุณกลับคิดถึงวิธีแก้ปัญหา หรือเรื่องราวที่คล้ายกันที่คุณเคยเจอ ทำให้คุณพลาดที่จะรับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเพื่อนร่วมงาน และอาจทำให้เขารู้สึกไม่ได้รับการรับฟัง

เพื่อฝึกฝน active listening ให้ลอง ตั้งคำถาม กับตัวเองหลังจากการสนทนาว่า “เราเข้าใจความรู้สึกของผู้พูดมากน้อยแค่ไหน” และ “เราสามารถสรุปประเด็นสำคัญที่ผู้พูดต้องการสื่อได้หรือไม่” การฝึกฝน active listening คือการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะจะช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ เพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสาร และสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกัน ลองดูคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การสร้างวัฒนธรรมการให้ข้อเสนอแนะในที่ทำงานของคุณ

การเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความตั้งใจและการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ active listening จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ และช่วยให้คุณประสบความสำเร็จทั้งในด้านการงานและชีวิตส่วนตัว

ปรับแต่ง active listening ให้เข้ากับทุกสถานการณ์การทำงาน

การฟังอย่างมีประสิทธิภาพ หรือ active listening คือการฟังอย่างตั้งใจเพื่อทำความเข้าใจอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่ได้ยินเสียง แต่รวมถึงการตีความความหมายและความรู้สึกของผู้พูดด้วย การนำ active listening ไปใช้ในสถานการณ์การทำงานที่หลากหลาย จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเทคนิคให้เหมาะสมกับบริบท ไม่ว่าจะเป็นการประชุม การให้คำปรึกษา หรือการรับฟังข้อร้องเรียนจากลูกค้า

การฝึกฝน active listening เป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนา ทักษะการสื่อสาร และสร้าง ความสัมพันธ์ที่ดี ในที่ทำงาน มาดูกันว่าเราจะปรับใช้ active listening ให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างไร

Active Listening ในการประชุม

การประชุมที่มีประสิทธิภาพควรเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ Active listening ช่วยสร้างบรรยากาศที่ทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วม ลองใช้ คำถามปลายเปิด เช่น "คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้" เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนกล้าแสดงความคิดเห็น

นอกจากนี้ การ สะท้อนความรู้สึก ของผู้พูด เช่น "ผมเข้าใจว่าคุณรู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ" จะช่วยให้ผู้พูดรู้สึกสบายใจและมั่นใจที่จะแบ่งปันความคิดเห็นมากขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องระวังไม่ให้ครอบงำการสนทนา ควรเปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้พูดอย่างเต็มที่

Active Listening ในการให้คำปรึกษา

เมื่อทีมงานกำลังเผชิญความท้าทาย การเป็นผู้ฟังที่ดีคือสิ่งสำคัญที่สุด สร้างบรรยากาศที่ปลอดภัยให้ทีมงานรู้สึกสบายใจที่จะระบายความรู้สึกและปัญหา หลีกเลี่ยงการตัดสิน และเน้นการถามคำถามเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์อย่างแท้จริง เช่น "คุณคิดว่าอะไรเป็นสาเหตุของปัญหานี้" หรือ "คุณต้องการความช่วยเหลืออย่างไรบ้าง"

การใช้ ภาษากาย ที่แสดงถึงความเข้าอกเข้าใจ เช่น การสบตาและพยักหน้า จะช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจ อย่าลืมว่าการให้คำปรึกษาที่ดีคือการช่วยให้ผู้รับคำปรึกษาค้นพบทางออกด้วยตัวเอง ไม่ใช่การให้คำแนะนำที่ไม่ต้องการ

Active Listening กับลูกค้า

การรับฟังข้อร้องเรียนจากลูกค้าอย่างตั้งใจ คือ กุญแจสำคัญในการรักษาความสัมพันธ์ที่ดี พยายามทำความเข้าใจสาเหตุของปัญหา และแสดงความเห็นใจ เช่น "ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณครับ" หลีกเลี่ยงการโต้แย้ง และมุ่งเน้นที่การหาทางออกร่วมกัน

อย่าลืม สรุปสิ่งที่ลูกค้าต้องการ เพื่อให้แน่ใจว่าเข้าใจตรงกัน การแสดงความรับผิดชอบและความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหา จะช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า

Active Listening ในการไกล่เกลี่ย

การเป็นสื่อกลางในข้อขัดแย้งที่ซับซ้อน ต้องอาศัย active listening ในการทำความเข้าใจมุมมองของทุกฝ่าย สร้างบรรยากาศที่เป็นกลาง และกระตุ้นให้ทุกฝ่ายสื่อสารกันอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา เทคนิคการ paraphrase หรือการกล่าวทวนความเข้าใจด้วยภาษาของตัวเอง เป็นเครื่องมือสำคัญในการยืนยันความเข้าใจ และช่วยให้ทุกฝ่ายเห็นอกเห็นใจกันมากขึ้น ควรระวังไม่ให้แสดงความลำเอียงหรือเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

เพื่อให้เห็นภาพการประยุกต์ใช้ active listening ในสถานการณ์ต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น ลองดูตารางสรุปด้านล่างนี้

ตารางแสดงการปรับใช้เทคนิค active listening ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และบุคคลที่แตกต่างกัน: "Active Listening ในสถานการณ์การทำงานต่างๆ"

สถานการณ์ เทคนิคที่เน้น จุดที่ต้องระวัง ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
การประชุม ถามคำถามปลายเปิด, สะท้อนความรู้สึก การครอบงำการสนทนา ความคิดสร้างสรรค์, การมีส่วนร่วม
การให้คำปรึกษา สร้างบรรยากาศปลอดภัย, ถามคำถาม การตัดสิน, การให้คำแนะนำที่ไม่ต้องการ ความไว้วางใจ, การแก้ปัญหา
การรับฟังข้อร้องเรียน แสดงความเห็นใจ, หาทางออกร่วมกัน การโต้แย้ง, การปฏิเสธความรับผิดชอบ ความพึงพอใจของลูกค้า, การรักษาความสัมพันธ์
การไกล่เกลี่ย Paraphrase, สร้างบรรยากาศเป็นกลาง การเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง การแก้ไขข้อขัดแย้ง, ความเข้าใจซึ่งกันและกัน

จากตารางข้างต้น จะเห็นได้ว่าการปรับใช้ active listening ให้เข้ากับแต่ละสถานการณ์นั้น จะช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น และนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีตามที่ต้องการ การฝึกฝน การสังเกต การตีความภาษากาย และ การเลือกใช้เทคนิคที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณเป็นนักฟังที่เก่งกาจ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างในทุกสถานการณ์การทำงาน

วัดผลและพัฒนาทักษะ Active Listening อย่างยั่งยืน

การเป็นนักฟังที่ดี ไม่ใช่แค่เป้าหมายที่ต้องไปให้ถึง แต่เป็นเส้นทางที่ต้องหมั่นฝึกฝนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง Active Listening คือทักษะที่ต้องฝึกฝนและปรับปรุงอยู่เสมอ เช่นเดียวกับทักษะอื่นๆ ยิ่งฝึกฝนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเชี่ยวชาญมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น การวัดผลและประเมินความก้าวหน้าของตนเองจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

ระบบประเมินตนเอง

เริ่มจากการสังเกต สัญญาณตอบรับ จากคนรอบข้าง พวกเขาเข้าใจสิ่งที่เราสื่อสารออกไปหรือไม่? บทสนทนาเป็นไปอย่างราบรื่นหรือติดขัด? สีหน้าท่าทางของผู้พูดบ่งบอกถึงอารมณ์ความรู้สึกอย่างไร? ข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์ในการช่วยให้เรามองเห็นจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเอง

นอกจากการสังเกตแล้ว การขอ Feedback จากเพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน หรือลูกน้อง ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้ผล ลองถามคำถามตรงๆ เช่น "คุณคิดว่าฉันเป็นผู้ฟังที่ดีไหม?" หรือ "มีอะไรที่ฉันสามารถปรับปรุงในการฟังได้บ้าง?" Feedback ที่ตรงไปตรงมาจะช่วยให้เราพัฒนาได้อย่างตรงจุด

ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน

การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้ จะช่วยให้เรามีทิศทางในการพัฒนา เช่น ตั้งเป้าหมายว่าจะฝึก Paraphrase หรือการสรุปความเข้าใจหลังการสนทนา หรือตั้งเป้าหมายว่าจะลดการขัดจังหวะผู้อื่นลง เป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยกระตุ้นให้เราฝึกฝนอย่างจริงจัง

แหล่งข้อมูลและกิจกรรมฝึกฝน

มีแหล่งข้อมูลมากมายที่ช่วยพัฒนาทักษะ Active Listening เช่น หนังสือ บทความออนไลน์ หรือวิดีโอสอนการฟัง การเข้าร่วม Workshop หรือ กิจกรรมกลุ่ม ที่เน้นการฝึกฝนทักษะการสื่อสารก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง Read also: A Leader's Guide to Employee Effectiveness

การฝึกฝนกับเพื่อนหรือคนในครอบครัวก็เป็นวิธีที่ง่ายและได้ผล ลองให้เพื่อนเล่าเรื่อง แล้วฝึกใช้เทคนิค Active Listening เช่น การสบตา การพยักหน้า การถามคำถาม และการสรุปความเข้าใจ การฝึกฝนบ่อยๆ จะทำให้เทคนิคเหล่านี้กลายเป็น ปฏิกิริยาอัตโนมัติ

สร้างระบบสนับสนุน

การสร้างระบบสนับสนุนรอบตัว จะช่วยให้ Active Listening กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เช่น การบอกเพื่อนร่วมงานว่าเรากำลังพยายามพัฒนาทักษะการฟัง และขอให้พวกเขาช่วยให้ Feedback หรือการ จดบันทึก ความก้าวหน้าของตนเองเป็นประจำ สิ่งเหล่านี้จะช่วยเสริมกำลังใจและแรงบันดาลใจในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

การเป็นนักฟังที่ดีไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่มีความตั้งใจและฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ Active Listening คือ กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการทำงานและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง เมื่อคุณเป็นนักฟังที่ดี คุณจะเป็นคนที่คนอื่นต้องการมาปรึกษาและร่วมงานด้วย

อยากสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่พนักงานรู้สึกมีคุณค่าและมีส่วนร่วมมากขึ้นด้วย Active Listening หรือไม่? Happily.ai ช่วยคุณได้! แพลตฟอร์มของเราผสานรวม AI และ วิทยาศาสตร์ เพื่อสร้างที่ทำงานที่มีความสุขและมีประสิทธิภาพสูง เริ่มต้นสร้างวัฒนธรรมการฟังที่ดีกับ Happily.ai วันนี้

Subscribe to Smiles at Work | The Official Happily.ai Blog newsletter and stay updated.

Don't miss anything. Get all the latest posts delivered straight to your inbox. It's free!
Great! Check your inbox and click the link to confirm your subscription.
Error! Please enter a valid email address!