การศึกษาความผูกพันต่อองค์กรและการลาออกของพนักงาน

บทความที่จะใช้เกณฑ์การวัดความผูกพันของพนักงานต่อองค์กรในการตอบคำถามว่า เพราะเหตุใดพวกเขาจึงตัดสินใจลาออก
การศึกษาความผูกพันต่อองค์กรและการลาออกของพนักงาน

บทความที่จะใช้เกณฑ์การวัดความผูกพันของพนักงานต่อองค์กรในการตอบคำถามว่า เพราะเหตุใดพวกเขาจึงตัดสินใจลาออก

อะไรคือเกณฑ์การวัดความผูกพันต่อองค์กรของพนักงาน

Employee engagement หรือความผูกพันต่อองค์กรของพนักงาน คือศาสตร์และศิลป์ที่ยึดโยงผู้คนเอาไว้เพื่อการจัดกลยุทธ์ การวางตำแหน่ง การทำงาน องค์กร สังคมการทำงาน ความสัมพันธ์ ลูกค้า การพัฒนา รวมไปถึงพลังและความสุข องค์ประกอบทั้งหมดนี้จะเป็นส่วนผลักดันและดำรงไว้ซึ่งประสิทธิภาพในการทำงานให้บรรลุตามเป้าประสงค์ — David Zinger [1]

William Kahn จากมหาวิทยาลัยบอสตัน (Boston University) เป็นคนแรกที่เริ่มใช้คำว่า “ความผูกพันต่อองค์กรของพนักงาน” ในงานวิจัยชิ้นสำคัญของเขาเองเมื่อกว่า 30 ปีก่อน [2] ถ้าหากยึดตามแนวคิดในงานวิจัยของเขา พนักงานที่มีความผูกพันต่อองค์กรจะหมายถึงคนที่เห็นคุณค่าในงาน พร้อมที่จะมุ่งมั่นและทุ่มเทให้กับงานที่ตนเองทำ อีกทั้งยังมีความพยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นในองค์กร

นับตั้งแต่มีการตีพิมพ์งานวิจัยของ Kahn ออกสู่สาธารณะ นักวิจัยอีกหลายคนก็เริ่มศึกษาและผลิตงานวิจัยที่จะช่วยเจียระไนความเข้าใจของเราต่อคำว่า “ความผูกพันต่อองค์กรของพนักงาน” ให้ดียิ่งขึ้น

การกำหนดเกณฑ์หรือตัวชี้วัดความผูกพันต่อองค์กรของพนักงานจึงถือเป็นเรื่องที่ท้าทายนักวิจัยและผู้นำองค์กรอยู่ไม่น้อย ซึ่ง “Quality of Work Life: Scale Development and Validation” (คุณภาพของชีวิตการทำงาน: การพัฒนาและการตรวจสอบ) หรือเรียกสั้นๆ ว่า “QWL” [3] เป็นการสรุปรวม 24 งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อดังกล่าว โดยจะแบ่งความผูกพันต่อองค์กรของพนักงานออกเป็น 9 องค์ประกอบหลักของการทำงาน โดยองค์ประกอบเหล่านี้จะมีการปรับเปลี่ยนสำหรับใช้ในงานวิจัยเพื่อข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้นำองค์กรต่อไป

เราทำการศึกษาข้อมูลจากคำตอบของพนักงานในแบบสำรวจความสุขรายวัน (Pulse survey) บนแพลตฟอร์มของ Happily.ai (โดยทั่วไป Pulse survey หมายถึงแบบสำรวจสั้นๆ ที่ส่งให้ทำแบบรายวันหรือรายสัปดาห์ก็ได้) ว่าด้วยเรื่องความผูกพันต่อองค์กรของพนักงาน โดยแบบสำรวจนี้จะครอบคลุมเกณฑ์การวัดทั้ง 9 องค์ประกอบ ซึ่งเกณฑ์การวัดที่เป็นตัวบ่งชี้คุณภาพของชีวิตการทำงานเหล่านี้จะเป็นรากฐานที่สำคัญ รวมไปถึงเป็นแนวทางให้ผู้นำองค์กรสามารถนำไปปรับใช้ เพื่อสร้างแบบสำรวจในองค์กรของตนเองต่อไปได้

โดยองค์กรต่างๆ มักจะศึกษาข้อมูลเรื่องความผูกพันต่อองค์กรของพนักงานด้วยเหตุผลสองข้อหลักๆ คือ

1. องค์กรต้องการเพิ่มผลิตภาพ (productivity) โดยรวมของการทำงาน

2. องค์กรต้องการแก้ปัญหาเรื่องการลาออกของพนักงาน (employee turnover)

เพราะการแก้ปัญหาสองข้อนี้ได้สำเร็จจะช่วยให้องค์กรมีความมั่นคงมากขึ้นทั้งในแง่ของรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นและค่าใช้จ่ายที่น้อยลง [4] ซึ่งเราจะมาดูรายละเอียดในส่วนของการประหยัดค่าใช้จ่ายกัน

เราใช้ข้อมูลความผูกพันต่อองค์กรของพนักงาน ซึ่งเก็บมาจากพนักงานที่ได้ลาออกจากบริษัทไป เพื่อดูว่าองค์ประกอบของ QWL ใดส่งผลให้พนักงานตัดสินใจลาออกมากที่สุด โดยข้อมูลเหล่านี้ก็มาจากแบบสำรวจความสุขรายวัน ที่รวบรวมมาจากพนักงานที่ลาออกไปในช่วงระยะเวลาประมาณ 1 ปี

รายงานการศึกษา “ผลของความผูกพันต่อองค์กรของพนักงานที่มีต่อการลาออกของพนักงาน”

เราใช้กลุ่มเป้าหมายเป็นพนักงาน 73 คนที่ตัดสินใจลาออกจากองค์กรทั้งการลาออกโดยสมัครใจและการถูกเลิกจ้าง เพื่อนำมาศึกษาและหาเกณฑ์ของ QWL ที่มีคะแนนอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งอาจจะเป็นส่วนที่ทำให้พนักงานลาออกไป เราพบว่าจากจำนวนพนักงานที่ลาออกทั้งสิ้น 73 คนนี้

· พนักงาน 7 คนไม่มีเกณฑ์ QWL ใดๆ ที่มีคะแนนอยู่ในระดับต่ำ

· พนักงาน 66 คนมีเกณฑ์ QWL อย่างน้อย 1 รายการที่มีคะแนนอยู่ในระดับต่ำ

· และมีพนักงาน 2 คนที่มีเกณฑ์ QWL ถึง 8 รายการที่มีคะแนนอยู่ในระดับต่ำ

พนักงานกว่าครึ่งหรือ 37 คนในกลุ่มมีเกณฑ์ QWL ที่มีคะแนนอยู่ในระดับต่ำเพียง 1–2 รายการ นั่นแสดงให้เห็นว่า แค่เหตุผลเพียงไม่กี่ข้อก็สามารถสะบั้นความผูกพันต่อองค์กรของพนักงานไปจนหมดสิ้นได้

เรายังพบอีกว่าพนักงานจำนวน 13 คนจาก 44 คน ที่มีคะแนนของเกณฑ์ QWL อยู่ในระดับต่ำอย่างน้อย 2 รายการ จะมี 1 รายการในนั้น ที่เป็นเรื่องของความสัมพันธ์กับผู้จัดการผูกโยงมาด้วย และยิ่งไปกว่านั้นทั้ง 13 คนนี้ก็มีคะแนนในหัวข้อการได้รับความสำคัญหรือการชื่นชม (Recognition) อยู่ในระดับต่ำเช่นกัน นั่นแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างสองหัวข้อนี้ ซึ่งหากเป็นไปได้ เราจะทำการสำรวจรายละเอียดดังกล่าวในการศึกษาที่มีผู้เข้าร่วมมากขึ้นในครั้งต่อไป

จำแนกพนักงานด้วยเกณฑ์ Quality of Work Life ที่อยู่ในระดับต่ำ
Employee Engagement Dimensions

ซึ่งในพนักงานที่มีเกณฑ์คะแนน QWL อยู่ในระดับต่ำอย่างน้อย 1 รายการ จะมีสามรายการที่ปรากฏขึ้นมาบ่อยที่สุด อันได้แก่ความผ่อนคลายในการทำงาน (Wellness) การได้รับความสำคัญหรือการชื่นชม (Recognition) และการเป็นตัวแทนขององค์กร (Ambassadorship)

กลยุทธ์ที่จะรักษาพนักงานเอาไว้

จากการศึกษาของเราย้ำเตือนให้คุณเห็นคุณค่าของการให้ความสำคัญและความผ่อนคลายของพนักงาน ซึ่งในส่วนของการให้ความสำคัญนั้น คุณอาจจะมองหาการกระทำสักรูปแบบที่ไม่ต้องมีเงินเป็นส่วนประกอบ เพื่อนำมันมาปรับใช้กับวัฒนธรรมองค์กร รวมถึงการให้ผู้บริหารระดับกลาง (middle manager) เข้ามามีบทบาทในการสร้างบรรยากาศของการมองเห็นและให้ความสำคัญภายในทีม การทบทวนการทำโปรแกรมการชื่มชมและมองเห็นคุณค่าของคนในองค์กรนั้นจะทำให้คุณมีข้อมูลที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ได้ และแน่นอน มันจะช่วยลดความเป็นไปได้ที่พนักงานจะลาออก

ส่วนความผ่อนคลายของพนักงาน ในที่นี่จะอ้างอิงถึง พนักงานมีความเครียดหรือความรู้สึกเหนื่อยหน่ายจากการทำงานช่วงเวลาใดๆ มากน้อยเพียงใด คุณอาจจะไม่สามารถมองหาพนักงานที่มีภาระงานกองสุมหัวพวกเขาได้ด้วยตาเปล่า หากไม่มีการทำแบบสอบถามเป็นชิ้นเป็นอัน แต่รูปแบบการสื่อสารภายในทีมที่มีประสิทธิภาพ (อาทิ การพูดคุยตัวต่อตัวระหว่างผู้จัดการและคนในทีม) จะช่วยลดโอกาสที่ปัญหาจะบานปลายได้ ซึ่งการแก้ไขเรื่องความเครียดของพนักงานนี้จะช่วยให้คุณยังสามารถรักษาพวกเขาไว้ในองค์กรได้ และช่วยให้องค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณได้รับคือ การมีพนักงานที่มีใจรักองค์กรและพร้อมมีส่วนร่วมอย่างเต็มเปี่ยมในองค์กรของคุณ

องค์กรที่เต็มไปด้วยพนักงานที่พร้อมมีส่วนร่วม

รายงานการศึกษาชิ้นนี้ของเรายังบอกว่าคุณว่าทุกองค์ประกอบของ QWL มีส่วนสำคัญในการสร้างความผูกพันและการมีส่วนร่วมของพนักงาน การศึกษาข้อมูลความผูกพันต่อองค์กรของพนักงานจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีตามมา ถ้าคุณยังไม่ได้เริ่มต้นการเก็บข้อมูลแต่ต้องการทำอะไรสักอย่าง การปรับเปลี่ยนและพัฒนาการให้ความสำคัญหรือการชื่นชมและความผ่อนคลายของพนักงานในองค์กรก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะมันจะช่วยให้เกิดการพัฒนาในประสิทธิภาพการทำงานและความผูกพันต่อองค์กรของพนักงาน ซึ่งจะทำให้พนักงานยังอยู่ในองค์กรของคุณต่อไป

ไม่ต้องแปลกใจหากคุณเห็นพนักงานที่มีความผูกพันต่อองค์กรจะพร้อมฝ่าฟันและล้มลุกคลุกคลาน นั่นเป็นเพราะพวกเขาทุ่มเททั้งพลังกายและพลังแรงใจให้กับองค์กรไปแล้ว พวกเขาพร้อมที่จะมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่กับการทำงาน รวมไปถึงพร้อมที่จะซึมซับความสำคัญและความกระตือรือร้นจากงานที่เขาทำ [5] ซึ่งแน่นอนว่าคุณสามารถสร้างบรรยากาศเหล่านี้ในองค์กรของคุณได้ เริ่มจากการที่คุณต้องเข้าใจข้อมูลที่คุณมีอยู่ และเราพร้อมที่จะช่วยให้คุณเข้าใจพนักงานของคุณมากยิ่งขึ้น

แวะหาเราได้ที่ Happily.ai เพื่อรับสิทธิพิเศษในการทดลองใช้งานแอปที่จะเปลี่ยนประสบการณ์การทำแบบสำรวจสนุกเหมือนกับการเล่นเกม

เอกสารอ้างอิง

[1] Let’s Co-Create an Employee Engagement Charter, The Employee Engagement Network

[2] https://donrheem.com/william-kahn-father-of-employee-engagement/

[3]https://www.internationaljournalofcaringsciences.org/docs/6_swamy.pdf

[4] https://www.gnapartners.com/article/how-much-does-employee-turnover-really-cost-your-business/

[5] Jena, Lalatendu & Pradhan, Sajeet. (2017). Research and Recommendations for Employee Engagement Revisiting the Employee-organization Linkage. Development and Learning in Organizations. 31. 17–19. 10.1108/DLO-02–2017–0012.

Subscribe to Smiles at Work | The Official Happily.ai Blog newsletter and stay updated.

Don't miss anything. Get all the latest posts delivered straight to your inbox. It's free!
Great! Check your inbox and click the link to confirm your subscription.
Error! Please enter a valid email address!