ทำไมการทำงานแบบ Hybrid ถึงตอบโจทย์องค์กรและพนักงาน

ข้อมูลทางงานวิจัยจากหลากหลายที่แสดงให้เห็นว่า การทำงานแบบ Hybrid นั้นเป็นรูปแบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพและให้ประสิทธิผลที่ดีที่สุดสำหรับทั้งองค์กรและพนักงาน
ทำไมการทำงานแบบ Hybrid ถึงตอบโจทย์องค์กรและพนักงาน
Photo by Surface / Unsplash

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาหลาย ๆ องค์กรอาจกำลังสงสัยว่ารูปแบบการทำงานแบบไหนจะเป็นรูปแบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด การให้พนักงานกลับไปทำงานในออฟฟิศแบบ Full-time ให้พนักงานทำงานแบบยืดหยุ่นหรือ Hybrid หรือจะเป็นการให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน (WFH) ได้ต่อไปเรื่อย ๆ แน่นอนว่ารูปแบบการทำงานแต่ละแบบมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน แต่จากข้อมูลการศึกษาที่เราได้รวบรวมมา ชี้ให้เห็นตรงกันว่า การทำงานแบบ Hybrid นั้นเป็นรูปแบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพและให้ประสิทธิผลที่ดีที่สุดสำหรับทั้งองค์กรและพนักงาน

การทำงานแบบ Hybrid คืออะไร?

รูปแบบการทำงานแบบ Hybrid คือ รูปแบบการทำงานที่พนักงานสามารถเลือกทำงานได้ทั้งจากที่ออฟฟิศ จากที่บ้าน หรือ จากที่ไหนก็ได้ เพื่อให้อิสระกับพนักงานได้มีทางเลือกในการทำงานมากยิ่งขึ้น โดยที่การให้พนักงานทำงานแบบ Hybrid นั้นจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับที่แต่ละองค์กรกำหนดไว้ว่า รูปแบบการทำงานแบบยืดหยุ่นแบบไหนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับองค์กรของตัวเองมากที่สุด หากองค์กรสามารถนำรูปแบบการทำงานแบบ Hybrid มาใช้ได้อย่างเหมาะสม สิ่งนี้จะส่งผลดีต่อทั้งองค์กร รวมไปถึง ผู้นำองค์กร ผู้จัดการ และพนักงาน

ประโยชน์ของการทำงานแบบ Hybrid ที่มีต่อพนักงาน

ข้อมูลจากการศึกษามากมายพิสูจน์ให้เห็นว่าการทำงานแบบ WFH หรือ Hybrid เป็นรูปแบบการทำงานที่พนักงานส่วนใหญ่ต้องการในเวลานี้ ถึงแม้ว่าการระบาดใหญ่จะจบลงแล้วก็ตาม

การศึกษาข้อมูลของบริษัท Ergoton จากการสุ่มตัวอย่างพนักงาน Full-time กว่า 1,000 คน พบว่าเมื่อพนักงานคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมแบบ Hybrid รูปแบบการทำงานแบบ Hybrid จะช่วยให้พนักงานสามารถฟื้นฟูสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตได้ด้วยเช่นกัน โดยการศึกษาครั้งนี้พบว่า

  • 88% ของพนักงานเห็นว่าความยืดหยุ่นในการทำงานเพิ่มความพึงพอใจในงานของพวกเขา
  • 75% ของพนักงานระบุว่าพวกเขามีการเคลื่อนไหวร่างกายบ่อยขึ้นและมีรูปแบบการทำงานที่กระฉับกระเฉงมากยิ่งขึ้นเมื่อทำงานแบบ WFH
  • 75% ของพนักงานกล่าวว่ามี Work-life balance ที่ดีขึ้นหลังจากการทำงานแบบ Hybrid หรือ WFH
“ในช่วงสองปีที่ผ่านมา พนักงานได้ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมการทำงานแบบ Hybrid และ WFH และตอนนี้พวกเขาก็ต้องการมันมากกว่า ในขณะที่นายจ้างต้องการดึงดูดและรักษาผู้มีความสามารถ การมุ่งเน้นไปที่แนวทางการปฏิบัติที่ส่งเสริม Well-being และช่วยให้พนักงานเติบโตไม่ว่าพวกเขาจะทำงานอยู่ที่ใด” - CEO ของบริษัท Ergoton

อีกหนึ่งการศึกษาข้อมูลจากบริษัท Owllabs ในปี 2022 พบเห็นคล้ายกันว่า

  • 71% ของพนักงานต้องการรูปแบบการทำงานแบบ Hybrid หรือ WFH หลังการระบาดใหญ่จบลง
  • 90% ของพนักงานบอกว่าพวกเขามีประสิทธิภาพในการทำงานในระดับเดียวกันหรือสูงกว่าระหว่างทำงานจากที่บ้านเมื่อเทียบกับการทำงานที่ออฟฟิศ
  • 84% ของพนักงานกล่าวว่าการทำงานแบบ WFH หลังเกิดโรคระบาดจะทำให้พวกเขามีความสุขมากขึ้น และพนักงานบางคนถึงกับยอมลดเงินเดือนเพื่อที่จะ WFH

ผลการศึกษา "พนักงานพร้อมสำหรับการทำงานแบบ Hybrid แล้วหรือยัง" ของซิสโก้ ยังแสดงให้เห็นว่า

  • 82% ของพนักงานกล่าวว่าการทำงานจากที่ไหนก็ได้ทำให้พวกเขามีความสุขมากขึ้น
  • 60% ของพนักงานรู้สึกว่าการ WFH ให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น
  • 76% ของพนักกล่าวว่า WFH ทำให้พวกเขาสามารถประหยัดเงินได้ถึง 8,000 เหรียญสหรัฐต่อปี
  • 60% ของพนักงานบอกว่าผลิตภาพและคุณภาพงานของพวกเขาดีขึ้นจากการ WFH

แต่ถึงข้อมูลทางตัวเลขจะแสดงให้เห็นข้อดีของการทำงานแบบ WFH หรือ Hybrid ต่อพนักงาน แต่มีพนักงานเพียง 25%เท่านั้นที่รู้สึกว่าองค์กรของพวกเขาพร้อมสำหรับการทำงานแบบ Hybrid และมากไปกว่านั้น การศึกษาข้อมูลมากมายยังแสดงให้เห็นถึงความไม่สอดคล้องกันระหว่างความต้องการของพนักงานและสิ่งที่องค์กรจะสามารถให้กับพนักงานได้ ข้อมูลทางสถิติของ Owllabs แสดงให้เห็นว่า 39% ของนายจ้างต้องการให้พนักงานกลับไปทำงานที่ออฟฟิศแบบ Full-time หลังเกิดโรคระบาด แต่มีพนักงานเพียง 29% ที่ต้องการให้เป็นแบบนั้น และ พวกเขาพร้อมจะลาออกจากงานหากไม่สามารถทำงานแบบ WFH ได้อีกต่อไปหลังจากการระบาดใหญ่จบลง

ประโยชน์ของการทำงานแบบ Hybrid ที่มีต่อองค์กร

ผู้นำองค์กรและผู้จัดการที่ต้องการให้พนักงานกลับไปทำงานที่ออฟฟิศแบบ Full-time อาจยังไม่ทราบถึงประโยชน์ที่ของการทำงานแบบ Hybrid มีต่อองค์กร สิ่งนี้ทำให้เกิดความไม่สอดคล้องกันระหว่างความต้องการของผู้นำ ผู้จัดการ และพนักงาน แต่ข้อมูลจากงานวิจัยชั้นนำของโลกทั้ง Gallup, มหาวิทยาลัย Harvard, Global Workplace Analytics, และ มหาวิทยาลัย Stanford พิสูจน์ให้เห็นได้ว่าความยืดหยุ่นในสถานที่ทำงานจะช่วยเพิ่มผลกำไรให้กับองค์กรใน 5 หมวดหมู่นี้

  1. ประสิทธิผล (Productivity) — พนักงานที่ทำงานแบบ WFH มีประสิทธิผลในการทำงานสูงขึ้นโดยเฉลี่ย 35% - 40% เมื่อเทียบกับพนักงานที่ทำงานในออฟฟิศ และได้รับผลผลิตเพิ่มอย่างน้อย 4.4%
  2. ประสิทธิภาพ (Performance) — การมีอิสระในเรื่องของสถานที่ทำงานช่วยให้พนักงานมีข้อบกพร่องทางด้านคุณภาพของงานลดน้อยลงถึง 40%
  3. การมีส่วนร่วม (Engagement) — ประสิทธิภาพการทำงานและผลผลิตที่สูงขึ้นสร้าง Engagement หรือพูดได้ง่าย ๆ คือ ช่วยลดอัตราการขาดงานลง 41%
  4. การรักษาพนักงาน (Retention) - 54% ของพนักงานกล่าวว่าพวกเขาจะเปลี่ยนงานหากงานนั้นให้ความยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งการเสนอข้อตกลงการทำงานแบบ Hybrid และ WFH จะสามารถส่งผลให้อัตราการลาออกโดยเฉลี่ยลดลงถึง 12%
  5. ความสามารถในการทำกำไร (Profitability) — องค์กรสามารถประหยัดเงินได้เฉลี่ย 11,000 เหรียญสหรัฐต่อปี ต่อพนักงานที่ทำงานแบบ Hybrid 1 คน ซึ่งหมายความว่าองค์กรเพิ่มความสามารถในการทำกำไรได้สูงขึ้นถึง 21%

จากข้อมูลที่ได้รวบรวมมาแสดงให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วการทำงานแบบ Hybrid นั้นไม่ได้เพียงแต่จะตอบสนองความต้องการของพนักงานเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยให้องค์กรเพิ่มประสิทธิผลและประสิทธิภาพในการทำงาน Engagement ของพนักงาน ความสามารถในการทำกำไร และยังสามารถรักษาพนักงานที่มีความสามารถไว้กับองค์กรได้นานขึ้นอีกด้วย หากผู้นำองค์กรและผู้จัดการต้องการที่จะรักษาพนักงานไว้กับองค์กรในช่วงเวลานี้ คุณต้องทบทวนวัฒนธรรมองค์กรในที่ทำงานของตนเองใหม่อีกครั้งเพื่อให้ครอบคลุมทั้งงานแบบ WFH และ Hybrid มากขึ้น เพราะสิ่งนี้จะเป็น New Normal ของการทำงานในอนาคตต่อไป

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่จะช่วยคุณสร้าง "New Normal" ในที่ทำงานแบบ Hybrid ได้ที่นี่

สร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบ Hybrid ให้สำเร็จได้อย่างไร

ผู้นำสร้าง Visibility ในที่ทำงานแบบ Hyrbid ได้อย่างไร

วิธีรักษาพนักงานใหม่ในยุค Hybrid

เอกสารอ้างอิง

[1] https://newsroom.cisco.com/c/r/newsroom/en/us/a/y2022/m04/cisco-study-employees-say-hybrid-work-makes-them-happier-and-more-productive-but-more-needs-to-be-done-to-make-it-more-inclusive.html

[2] https://www.forbes.com/sites/bryanrobinson/2022/02/04/3-new-studies-end-debate-over-effectiveness-of-hybrid-and-remote-work/?sh=6c3dfe0459b2

[3] https://www2.ergotron.com/EEWVWP2022?_ga=2.96405012.908027784.1655718268-1199762344.1655718268

[4] https://owllabs.com/state-of-remote-work/2021/

[5] https://www.forbes.com/sites/laurelfarrer/2020/02/12/top-5-benefits-of-remote-work-for-companies/?sh=691c3da516c8

Subscribe to Smiles at Work | The Official Happily.ai Blog newsletter and stay updated.

Don't miss anything. Get all the latest posts delivered straight to your inbox. It's free!
Great! Check your inbox and click the link to confirm your subscription.
Error! Please enter a valid email address!