ในช่วงเวลาที่สับสนวุ่นวาย วิกฤติการณ์รุมล้อมธุรกิจ หลายบริษัทคู่ค้าต้องหยุดทำการแม้กระทั่งต้องปิดตัวลงไป เหล่าพนักงานในบริษัทเริ่มเกิดความหวั่นเกรง ไม่มั่นใจในสถานการณ์ปัจจุบัน สิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดคือ ผู้นำ
และผู้นำนั้นจะเป็นผู้ที่เป็นธงชัย เป็นเสาหลัก ที่จะนำให้พนักงานปฎิบัติตาม ค่านิยม หรือ Core Values อย่างถูกต้องเหมาะสมและเคร่งครัด เพื่อนำบริษัทไปในเส้นทางที่ต้องการจะมุ่งเดินไป โดยที่ไม่หลงทางกระจัดกระจายจนพบกับความล้มเหลว ยิ่งในสถานการณ์อันเปราะบางเช่นนี้ บทบาทของผู้นำจึงสำคัญมากๆ อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น
แต่การเป็นผู้นำแบบดั้งเดิมอย่างที่คุณเคยทำเสมอมา เช่น เน้นที่ผลงาน มีการตัดเกรด performance อย่างเข้มข้น และทุกคนรับได้ในอดีตที่ผ่านมาที่มีการแข่งกันทำผลงานอย่างสูงนั้น เหมาะสมกับภาวะการณ์ปัจจุบัน ที่แม้ทุกคนจะทำงานหนักกว่าเดิม แต่สถานการณ์รอบข้างไม่อำนวย รวมไปถึงสภาพจิตใจที่ถูกบันทอนอย่างหนักจากการเปลี่ยนวิธีการทำงาน และการขาดความรู้สึกปลอดภัยในชีวิตแล้วหรือ?
แน่นอนว่า ในฐานะผู้นำองค์กร คุณก็ต้อง ปรับเปลี่ยนหน้าที่ เช่นเดียวกัน
วันนี้ เราจะขอนำเสนอ เทรนด์ของการเป็นผู้นำแนวใหม่ ที่กำลังมาแรงในสภาพการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงนี้
นั้นคือ Chief Empathy Officer (เรียกโดยย่อว่า CEO เหมือนกับ Chief Executive Officer)
แท้จริงนั้น ตำแหน่งนี้ไม่ได้มีฐานะหน้าที่ในโครงสร้างบริษัทอย่างเป็นทางการ เพราะที่จริงนั้นเป็นอีกบทบาทหน้าที่ในอีกด้านหนึ่งของ CEO เช่นคุณนั้นเอง ที่ปรับเปลี่ยนจากการที่ควบคุมในการ performance ต่างๆ มาเป็นผู้นำทางจิตใจ ที่มีความเข้าใจในสถานการณ์ของพนักงาน และความต้องการความช่วยเหลือของพวกเขาอย่างแท้จริง
โดยคุณสามารถปรับบทบาทคุณได้ ถึงอาจจะมีความท้าทายแต่ก็ไม่เกินความสามารถของผู้นำองค์กรเช่นคุณ เพียงทำตามสิ่งเหล่านี้
มีความกล้าที่จะพูดถึงความเปราะบาง
โดยทั่วไป เมื่อคุณเป็นผู้นำองค์กร หรือ CEO คุณมักจะคุ้นชินกับการสร้างความเชื่อมั่นในองค์กร โดยการทำตัวให้เข้มแข็งไม่หวั่นไหวกับสิ่งใด แต่ในทางตรงกันข้ามความพยายามนี้ กลับทำให้คุณนั้นเชื่อมต่อความรู้สึก กับพนักงานของคุณได้ยากขึ้น เสมือนเทพเจ้าที่ไม่สามารถแตะต้องได้ จนพนักงานของคุณไม่กล้าแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมา
แต่ถ้าคุณสามารถเปิดอก กล้ายอมรับในจุดเปราะบาง จะนำไปสู่ Emotional Accessibility หรือ การเข้าถึงเชิงอารมณ์ ที่จะทำให้คุณเป็นบุคคลที่เข้าถึงได้สำหรับพนักงานของคุณ เป็นพวกเดียวกับพวกเขาอย่างแท้จริง
พิจารณาถึงการทำธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ และหาทางออกให้พนักงาน ก่อนคิดถึงการ Lay Off
แน่นอนว่าการดำเนินธุรกิจในช่วงเวลานี้นั้น เป็นสิ่งที่ยากลำบาก ไม่ว่าจะในเรื่องที่คู่ค้าของคุณประสบปัญหาเช่นเดียวกันหรือร้ายแรงกว่า แม้กระทั่งด้วยเรื่องพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป จนถึงกรณีการออกคำสั่งต่างๆของรัฐบาล
ในจังหวะนี้นั้น Happily.ai ขอแนะนำให้คุณนั้น
ลองใช้วิธีคิดแบบสร้างสรรค์
เช่นในกรณีที่ United Airline ซึ่งเป็นธุรกิจการบินที่ไม่อาจทำการได้ในช่วงเวลานี้ แทนที่จะปลดพนักงานหรือลดเงินเดือน ทางบริษัทกลับดำเนินการโดยการลดเงินเดือนผู้บริหารเป็นอันดับแรก เพื่อรักษาน้ำใจพนักงานที่ทำงานหนัก
หรือคุณอาจจะดำเนินการด้วยวิธีอื่น เช่น แปลงผลิตภัณฑ์ที่มีมาเป็นของที่จำเป็นในช่วงวิกฤติ และขายในราคาที่เหมาะสมเพื่อต้านการเก็งกำไร และช่วยเหลือสังคมโดยรวม ทั้งยังจะทำให้พนักงานนั้นได้มีงานทำในช่วงเวลานี้อีกด้วยนะ
ความปลอดภัยต้องมาก่อนการอัปเดตเรื่องธุรกิจ
อาจเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็เป็นเรื่องที่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใยต่อพนักงานของคุณได้ เพียงคุณจัด Priority ในการประกาศอัปเดตข่าวสารต่อพนักงานของคุณ ทั้งในกระดานข่าวของบริษัท รวมถึงการประชุมแบบกลุ่มและตัวต่อตัว โดยการพูดถึงสถานการณ์ล่าสุดโดยทั่วไป รวมถึงสถานการณ์ความปลอดภัยในบริษัท และพนักงานจะปฎิบัติตัวหรือขอความช่วยเหลือต่างๆจากบริษัทในการป้องกันตัว หรือรักษากรณีติดเชื้อได้อย่างไร ก่อนที่จะพูดถึงสถานการณ์ในแง่มุมของการประกอบการ และเรื่องงานต่อไป
แสดงความขอบคุณและภูมิใจอย่างสม่ำเสมอ
ในเวลานี้เป็นโอกาสอันดี ที่คุณจะไม่ใช่แค่ผู้นำองค์กรของคุณเท่านั้น แต่เป็นผู้นำ หรือหนึ่งในผู้นำด่านหน้าของอุตสากรรม ที่จะแสดงถึงความขอบคุณในการต่อสู้กับวิกฤติร่วมกัน ให้กับพนักงาน คู่ค้า ลูกค้า และ ชุมชนท้องถิ่นของคุณ ในเวลาเดียวกัน คุณอาจใช้ Soft Power และ influence ในตัวคุณ ก้าวขึ้นมาร่วมชี้ทางออก รณรงค์ และรวบรวมผู้คนให้ร่วมด้วยช่วยกันในการออกมาบรรเทาสาธารณภัย ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม เพราะถึงแม้ทุกคนจะเป็น Hero แต่คุณคือ Champion ของพวกเขา
Happily.ai ช่วยให้คุณขับเคลื่อนความมี Empathy ในองค์กร
Empathy สร้างได้จากภายในองค์กรอย่างที่กล่าวไว้ คุณสามารถเริ่มต้นการสร้าง Empathy ได้โดยการใช้เครื่องมือที่เหมาะสมเพื่อ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับตัวพนักงานของคุณอย่างแท้จริง
ด้วยระบบ Daily Check-up และ การประมวลผ่านฟีเจอร์ Insight ที่มีการนำ AI ในแบบเฉพาะของเรามาช่วยคัดกรอง จำแนก และประมวลการตอบคำถามต่างๆ สู่การวัดสุขภาพในการใช้ชีวิตการทำงานทั้ง 11 มิติ ที่ช่วยให้คุณได้เห็นทั้งความเป็นไปได้ และปัญหาเชิงลึกของพนักงานของคุณ ทำให้แม้พนักงานติด quarantine หรือ ต้องทำงานแยกส่วนนานๆจนไม่ได้เห็นภาษากายเลย คุณก็ยังเข้าใจและช่วยเหลือพวกเขาอย่างเหมาะสม และนั่นคือ Empathy ที่คุณในฐานะนายจ้างจะเริ่มมอบให้แก่คนของคุณ
ในช่วงยุคหลังโควิดนั้น ถึงแม้ปัจจุบันการระบาดจะเริ่มไม่ใช่ปัญหาใหญ่ไปแล้ว แต่โลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนนั้น ความเห็นอกเห็นใจ และกำลังใจภายในองค์กร ยังคงมีความสำคัญและต้องสร้างอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้คุณได้เห็นภาพชัดว่า เราสามารถช่วยคุณในการขับเคลื่อน Empathy ในองค์กรได้อย่างไร ทางเราแนะนำให้คุณเข้าร่วมการทดลองใช้งานแบบ Live Demo ฟรี! พร้อมคำแนะนำ การให้คำปรึกษาจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราที่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับหลากองค์กรทั้งขนาดเล็กและใหญ่ในระดับชาติมาแล้ว ซึ่งคุณสามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมด้วยผ่านทางแบบฟอร์มของเราด้านล่าง ทางทีมงานของเราจะติดต่อหาคุณในเวลารวดเร็วที่สุดหลังลงทะเบียน: